หัวหน้าของฉันเป็นเด็กขี้แย - ตอนที่ 29 ผู้หญิงที่ดูดี
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ตัวว่า คิว อีไป๋ นั้นหัวทึบในเรื่องความรักแค่ไหน
ได้ยินคำตอบแบบนั้นของคนคนนี้ เธอก็งงงวยจนไม่ได้พูดอะไรออกมาซักพัก ความหลงไหล่เล็กๆน้อยที่เธอมีหายไปในทันที
สมกับเป็นก้อนหินที่ยังไม่พัฒนา….
มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่ คิว อีไป๋ จะสนใจอะไรอย่างเรื่องโรแมนติก
เซิน หนิงซิน ถอนหายใจก่อนจะยิ้มและอธิบายกับเธอ “ประธานคิว คุณคิดมากไปแล้ว ฉันแค่ถามเฉยๆเองค่ะ”
“ฉันไม่มีความคิดที่อยากจะออกเดตกับใครหรอกค่ะ”
เธอพูดต่อน้ำเสียงของเธอดังขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“จริงหรอ?” เมื่อได้ยิน คิว อีไป๋ ก็เลิกอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“จริงค่ะ” เซิน หนิงซิน ยิ้ม “ต่อให้ประธานคิว เริ่มออกเดตกับใครแล้ว ฉันก็คงไม่”
สิ่งที่เธอพุดออกไปค้อนข้างจะแน่นอน
คิว อีไป๋ ชะงักไปเมื่อได้ยินเธอ ก่อนจะกระแอมเบาๆแล้วกอดออกพูด “มันไม่ใช่ว่าห้ามเธอหรอกนะ แค่อย่า…”
ก่อนที่เธอจะพุดจบลิฟต์ก็มาถึงชั้นของพวกเธอ
เซิน หนิงซิน พยักหน้าและรีบออกมาจากลิฟต์ บอกกับเธออีกครั้ง “ฉันรู้ค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงาน!”
หลังจากพูดจบเธอก็ไปไกลแล้ว
คิว อีไป๋ จ้องมองหลังของเธออยู่ซักพัก และไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าเธอเป็นอะไรของเธอ
เป็นอะไร?
วันนี้เธออารมณ์ไม่ดีหรอ?
—
ความจริงแล้ว เซิน หนิงซิน ไม่ได้ไม่พอใจอะไร
ถึงแม้ความคนคนนี้จะสามารถทำงานได้ดี หน้าตาดี มีรูปร่างที่ดี และเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยจนเธอไม่สามารถจิตนาการได้ เธอก็ยังเป็นแค่เด็กที่มีวุฒิภาวะของเด็กสองขวบครึ่งเท่านั้น
(ผู้แปล : ร่ำรวยจนเธอไม่สามารถจิตนาการเป็นคำที่คิว อีไป๋ เคยพูดกับ ซินซิน น้องกำลังประชดประธานในใจ 5555)
เธอไม่สามารถทำคาดหวังให้ คิว อีไป๋ เข้าใจอะไรหลายๆอย่างได้
นอกจากนั้น ความสนใจของเธอที่มีให้กับคนคนนี้ยังไม่ถึงจุดที่มันจะเป็นใครคนอื่นนอกจากเธอไม่ได้
มันคงจะเป็นแค่ผลของทฤษฎีสะพานแขวน
เซิน หนิงซิน คิดอยู่ซักพักและคิดเหตุผลที่เหมาะสมได้
เพราะว่าการกระทำของ คิว อีไป๋ ตอนนั้นมันอบอุ่นต่อหัวใจเธอมาก
เธอยินดีที่จำแบกเธอขึ้นหลัง และยังถามเธอด้วยความกังวลว่าเธออยากไปโรงพยาบาลไหม และยังจำได้ดีว่าเธอกลัวความมืดจนพูดมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
มันยังมีเครื่องร่างก่อนหน้านี้และของฝากเล็กๆน้อยๆที่เธอนำมาจากต่างประเทศ
ทุกการกระทำของเธอนั้นแสนจะอบอุ่นหัวใจ
มันเป็นความอ่อนโยนที่เธอไม่ได้สัมผัสมานานกว่า 20 ปี….
เมื่อคิดแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็ถอนหายใจอยากช่วยไม่ได้
เธอรู้สึกเหมือนเธอนั้นช่างน่าเวทนา
สายหน้าของเธอ เธอเลิกคิดเกียวกับมันแล้วเริ่มจัดการกับงานที่อยู่ตรงหน้า
มันไม่มีอะไรให้ทำมากนักวันนี้ เธอเลยสามารถทำงานที่เจ้ฉางมอบหมายให้เธอจนเสร็จ หลังจากเธอก็เปิดแชทกลุ่มขึ้นมาเพื่อดูว่าพวก เหมิง เหย้า กำลังคุยอะไรกันอยู่
แต่ตอนที่เธอขยับนิ้วของเธอ แทนที่จะเปิดวีแชท เธอก็พบว่าเธอเปิดเว็บเพขขึ้นมา
เธอกำลังจะเป็นบ้า
รู้สึกทั้งกังวลและเหมือนเธอเสียสติไปแล้ว เธอเผลอเหล่มองผู้คนรอบๆ ก่อจะก้มหัวลงแล้วรีบพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในช่องค้นหา
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่คุณพยายามจะสร้างความสัมพันธ์แบบโรแมนติกด้วยไม่เก็ทสัญญาณของคุณ?”
หลังจากเธอกดคลิกค้นหา ผมลัพท์มากมายก็แสดงขึ้นมา
เซิน หนิงซิน กดเข้าไปในแต่ละอันแต่พบว่ามีคนมากมายที่มีประสบการณ์คล้ายๆกันและก็มีคนมากมายตอบคำถาม
“บางที่วิธีการจีบของนายยังไม่ดีพอ หรือ คนคนนั้นก็ไม่ได้สนใจนายเลย”
“นายมีเวลามากหรอไง? อยากโดนทรมานหรอ?”
“บางที่เธอคงไม่ได้ตรงสเปคเขา หรือบางที่เธอคงขี้เหร่”
เซิน หนิงซิน “…..”
เธอรู้สึกเหมือนโดนหาเรื่อง
เธอถอนหายใจ จ้องมองประโยตนั้นอยู่นาน ก่อนจะปิดโทรศัพท์ของเธอไปในที่สุด รู้สึกหงุดหงิด ความคิดของเธอนั้นยุ่งเหยิง
ตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าเธอน่าเกลียดจริงไหม เธอก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
คิว อีไป๋… เธอมีภาวะไม่รู้ใบหน้าไม่ใช่หรอ?
คนที่มีภาวะนั้นสามารถบอกได้ด้วยหรอว่าใครดูดีดูไม่ดี?
เซิน หนิงซิน คิดอยู่ซักพักแต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ท้ายที่สุด เธอก็เปิดเว็บเพจขึ้นมาใหม่และโพสต์ถามคำถามทุกอย่างของเธอ
แต่เธอก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
มันมีความคิดเห็นมากมาย บางคนก็บอก ได้ บางคนก็บอก ไม่ได้ บางคนถึงกับบอกว่าแล้วแต่ความรุ่นแรงของภาวะ
เอาหละ… ถ้างั้น
ประธานคิวของเราช่างเป็นที่คนยากจะหยั่งไม่ถึงจริงๆ
—
เซิน หนิงซิน ไม่ได้ทำงานล่วงเวลาวันนี้
เธอทำงานของเธอเสร็จหมดแล้ว รวมกับการที่เธออารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหรวันนี้ เธอตัดสินใจจะรวมกับพวก เหมิง เหย้า ที่บาร์ หวังว่าเครื่องดื่มและเสียงดนตรีจะช่วยทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น
หลังจากกลับบ้านด้วยรถโดยสารและเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอรู้ตัวว่ากำลังจะสายเธอเลยนั่งแท็กซี่ไปที่ไนน์ท็อค
แต่เมื่อเธอมาถึงร้านเธอก็พบว่ายังไม่มีใครมา
เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนจะไปที่บาร์เพื่อสั่งไวน์มาแก้วหนึ่งเพื่อรอคนอื่นๆ
มันเป็นคืนฉลองครบรอบของร้านไนน์ท็อคคืนนี้ และงานนี้ก็ค้อนข้างใหญ่ ดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่เข้ามามากมาย
มันมีผู้หญิงทุกรูปแบบ ตั้งแต่คนที่ดูเท่และมีวุฒิภาวะ สาวตัวเล็กน่ารัก และคนที่ท่าทางใส่ซื่อ แค่เหล่มองพวกเธอทั้งหมดก็ดูสวยงาม
มันคือสวรรค์สำหรับคนที่มีชอบของสวยๆงามๆแบบเธอ
ถ้าเป็นปกติ เซิน หนิงซิน ก็ต้องเหล่มองหลายครั้งแน่นอน
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง อาจจะเพราะเธอเคยชินกับการได้เห็น คิว อีไป๋ และได้เฝ้ามองความสวยระดับนี้ตลอด รสนิยมของเธอคงเปลี่ยนไปแล้ว และคนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสนใจอีกต่อไปแล้ว
เธอดื่มแล้วมองไปรอบๆ เธอถึงกับหาวเพราะความเบื่อหน่ายหลังจากผ่านมาซักพัก
เธอกำลังจะหลับไปแน่ๆ ถ้าพวกนั้นยังไม่มากัน
เธอสายหน้าเพื่อทำให้ตัวเองไม่ง่วง ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ของเธอเลื่อนดูเวย์ปั๋ว ก่อนเธอจะได้ทำอะไร เธอก็รู้สึกเหมือนมีใครมาเตะเธอจากด้านหลัง
“ในที่สุดพวกเธอก็มา!” เซิน หนิงซิน ยิ้มแล้วรีบหันไปมอง
แต่ทว่า… คนที่มาไม่ใช่พวก เหมิง เหย้า แต่เป็นผู้ช่วยฯ ฮัน
“ผู้ช่วยฯ ฮัน!” เธอตกใจ เซิน หนิงซิน อดไม่ได้ที่จะเผลอนั่งตัวตรงทันที่
ไม่นานเธอก็จำเรื่องเมื่อเช้าได้ เธอรีบเข้าหาเธอแล้วพูดอย่างนิ่มนวล “คุณอยากให้ฉันรวมมือกับคุณไหมคะ?”
เธอคิดว่าเธอไม่ควรจะทำมันพังอีกรอบนี้
แต่เธอไม่คิดว่า ผู้ช่วยฯ ฮัน จะหัวเราะทันทีที่ได้ยิน
“ไม่เป็นไร” เธอบอก ลูบไหล่ของ เซิน หนิงซิน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเธอ “พวกเราเลิกกันแล้ว ฉันมาที่นี้มันเวลาเพื่อความสนุกเท่านั้น”
เธอว่าต่อ “ขอบคุณที่คิดถึงฉันนะ”
มันมีความความอ่อนโยนและความขอบคุณในสายตาของเธอ
ได้ยินแบบนั้น เซิน หนิงซิน รู้สึกเขินนิดหน่อยแล้วรีบสายหน้า ตอบไปว่ามันไม่มีอะไร เธอเรียกบาเทนเดอร์และสั่งไวน์มาแก้วหนึ่งให้กับผู้ช่วยฯ ฮัน เหมือนกับเธอ
หลังจากพวกเธอสองคนดื่มแบะพูดคุยกันซักพัก ในที่สุดพวกนั้นโผล่มา
เหมือนกับครั้งก่อน เหมิง เหย้า และ หลี่ ฉ่าน เดินมาด้วยกัน พูดคุยกันอย่างมีความสุข และ เจียง เยว้ ขมวดคิ้วตามมา
ดูเหมือนเธอจะยังมูฟออนจากอาการอกหักไม่ได้
มันหนักขนาดนั้นเลยหรอห่ะ
เห็นเธอเป็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็รู้สึกทั้งขำทั้งสงสารเธอ ก่อนเธอจะถอนหายใจแล้วเรียก เจียง เยว้เข้ามาเพื่อปลอบเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เธอก็เห็นดวงตาของ เจียง เยว้ส่องประกายขึ้น
เธอเห็นอะไร?
เซิน หนิงซิน มองตามสายตาเธอไปแล้วก็พบว่า… คนคนนี้กำลังมองผู้ช่วยฯ ฮันอยู่
“เธอ ไม่จริงน่า!” เซิน หนิงซิน ตื่นตระหนก ก่อนจะพูดเบาๆ “นี้คือเพื่อนร่วมงานฉัน!”
เจียง เยว้ ทำเป็นไม่ได้ยิน “เซิน หนิงซิน เธอรู้สึกผู้หญิงแสนสวยแบบนี้ด้วยหรอ ทำไมเธอไม่แนะนำเธอให้ฉันรู้จักบ้างหละ?”
หลังจากพูดจบ ไม่รอให้ เซิน หนิงซิน ตอบ เธอก็เดินเข้ามาจับมือกับผู้ช่วยฯ ฮัน “ฉันเป็นเพื่อนกับ เซิน หนิงซิน เจียง เยว้ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก!”
แม้แต่หลังของเธอก็ดูตื่นเต้นและมีความสุข
ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าเธอจะเป็นยัยโง่ถ้าเธอตกหลุมรักใครอีก!
เธอใจโลเลขนาดนี้เลยหรอ?
กลัวว่า เจียง เยว้ จะพูดอะไรไม่ดี เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหา เจียง เยว้ บอกให้เธอระวังคำพูดและการะกระทำของเธอให้ดี
เธอส่งไปเยอะมาก แต่สุดท้ายเธอก้ได้รับการตอบกลับมาเป็นแค่เสียงเอฟเฟค
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง!!!”
เซิน หนิงซิน “….”
—
เจียง เยว้ และ ผู้ช่วยฯ ฮัน เข้ากันได้ดี และ ทั้งสองคนก็ได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันเลยด้วย
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็หยุดกังวลเกี่ยวกับมันแล้วลุกขึ้นเพื่อไปดูการแสดงกับพวก เหมิง เหย้า ตอนที่พวกเธอออกมาจากไนน์ท็อค มันก็มืดแล้ว
หลังจากบอกลาอย่างสุภาพกับผู้ช่วยฯ ฮันแล้ว พวกเธอก็เริ่มต่อว่า เจียง เยว้ บอกว่าเธอเป็นคนบุคลตัวอย่างที่ทิ้งเพื่อนของเธอเพื่อแฟนของเธอ และบอกว่าเธอเป็นหมาที่ผิดคำพูดของเธอ
เจียง เยว้ ปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังยิ้มอย่างมีความสุขอีกด้วย
“นั้นเป็นเรื่องที่ฉันพูดเพราะเมา เพราะงั้นอย่าเก็บมันมาคิดมากเลย” เธอบอก “คนเรานะต้องมองไปข้างหน้า พวกเราจะมียึดติดอยู่กับอดีตไม่ได้นะ”
ช่างมีเหตุผล
เซิน หนิงซิน ไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี
“แล้วเธอจะเอายังไงต่อหลังจากนี้?” เซิน หนิงซิน แกล้งถามเธอ
“หมายถึงอะไรนะ?” เจียง เยว้ บอก “แน่นอนว่าฉันจะจีบเธอ ฉันจะช่วยเธออกมาหาอะไรกินกัน ดูหนังกัน เล่นเกม ติดต่อกันมากขึ้นเพื่อทำให้พวกเราสนิทกันมากขึ้น”
“ฉันไม่โง่นะ” เธอเลิกคิ้ว “ถ้าเธอไม่รีบคว้าผู้หญิงสวยๆแบบนี้ไว้ คนอื่นก็จะมาคว้าเธอไป!”
“อย่างงั้นหรอ?” เซิน หนิงซิน พยักหน้าตอบ หลังจากเธอก็รู้สึกเหมือนเธอได้บรรลุอะไรบางอย่าง
งั้นเธอก็ต้องให้วิธีเดียวกันนี้กับ คิว อีไป สินะ?
เธอจะสามารถก้อนหินแบบนั้นได้ไหมนะ?
“….”
วันต่อมา เซิน หนิงซิน ตื่นมาตามเวลา
จำคำพูดของ เจียง เยว้ได้ เธอหยุดแล้วแทนที่จะใส่ชุดสุภาพและเป็นทางการที่ไม่เหมาะกับอายุของเธอ เธอสวมชุดเดรสสวยๆแทน
มันเป็นตัวหนึ่งในตัวโปรดของเธอ
มันเป็นชุดเดรสสีเหลืองอ่อนที่มีดอกไม้ประดับอยู่ที่ช่วงอก ช่วงชายกระโปรงฟูฟ่องเล็กน้อย และตรงข้อมือมีถูกประดับไว้ด้วยลูกไม้น่ารักๆ
มันเหมาะกับเธอเป็นพิเศษ น่ารักเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อย
เซิน หนิงซิน มองตัวเองในกระจก ก่อนจะแต่งหน้าเบาๆและทำผมให้เหมาะกับชุด หลังจากทำทั้งหมดแล้ว เธอก็ล็อคประตูและลงไปด้านล่างเพื่อขึ้นรถบัส
เมื่อมาถึงบริษัท เธอก็ได้รับคำชมมากมายจากเพื่อนร่วมงานของเธอ
มันทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น
เธอคิดว่าถ้ามีคนชอบมันมากชนาดนี้ คิว อีไป๋ จะต้องชอบมันแน่นอน
เมื่อคิดแบบนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่า คิว อีไป๋ ได้มาถึงแล้ว
เธอดูจะอารมณ์ดีวันนี้ สีหน้าของเธอดูอ่อนโยนกว่าปกติ และมันก็มีร้อยยิ้มล่างๆในดวงตาของเธอ
เธอถึงกับทักทายทุกคนในออฟฟิศ
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ก็รีบยืนขึ้นต่อหน้าเธอแล้วยิ้มหวานให้กับเธอ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ประธานคิว”
“โอ๋ อรุณสวัสดิ์” คิว อีไป๋ ตอบกลับด้วยการพยักหน้า มองเธอเร็วๆ ก่อนจะเลื่อนสายหน้าและเดินไปที่ออฟฟิศของเธอต่ออย่างรีบๆ
เธอไม่ได้มองเธออีกตั้งแต่ต้นจนจบ
ทิ้ง เซิน หนิงซิน ให้ยืนอยู่แบบนั้น
แล้ว…เธอไม่สั่งเกตุหรือว่าเธอไม่มันชอบกันนะ?
—
ด้วยเหตุผลของการส่งเอกสาร เซิน หนิงซิน เข้าไปในออฟฟิศของ คิว อีไป๋ หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้การตอบรับที่เธอต้องการ
ดูเหมือนว่า คิว อีไป๋ จะไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
เอาหละถ้างั้น….
เห็นแบบนั้น เซิน หนิงซิน ทำได้แค่ยอมแพ้ ถอนหายใจออกมาจากก้นบึงของหัวใจเธอ แล้วเธอก็เปิดประตูออฟฟิศ เตรียมตัวจะออกมา
แต่ก็ที่เธอจะได้ขยับ คิว อีไป๋ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะและพิมพ์งานบนคอมพิวเตอร์ของเธออยู่ก็พูดขึ้น
“การฝึกงานของเธอจะจบลงให้อีก 3 หรือ 4 วันใช่ไหม?” เธอถาม
เซิน หนิงซิน หยุดเมื่อได้ยินเธอ ก่อนจะรีบคำนวณในหัวของเธอแล้วพบว่าเธอพูดถึง
ไม่คาดคิดว่า คิว อีไป๋ จะจำได้ด้วย
ความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากก้นบึงของหัวใจเธอ และ เซิน หนิงซิน ก็พยักหน้าทันที
แล้วเธอก็ได้ยิน คิว อีไป๋ พูด “เจ้ฉาง กับฉันจะไปเจอกับลูกค้าสำคัฐวันพรุ่งนี้เพื่อพูดคุยเรื่องปัญหาที่เกี่ยวกับการรวมมือในอนาคต”
“ถ้าเธอไม่มีอะไรสำคัญต้องทำ มาด้วยกันสิ ได้ฟังและได้เห็นมากขึ้นจะช่วยเธอได้ในอนาคตแน่นอน”
กลายเป็นว่าเธอดูเหมือนจะใส่ใจเธอมาก
เซิน หนิงซิน รู้สึกซาบซึ้งทันทีและรีบตกลงจะไปด้วย แล้วเธอก็รีบกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
เธอเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นเพของบริษัทลูกค้า จำนวณคำสั่งซื้อจากพวกเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมา และศึกษาแนวทางการพัฒนาของพวกเขาในอนาคต
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอทำงาน
มันเก็บจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว
เซิน หนิงซิน นั้นคุ้นเคยกับบริษัทนี้แล้ว และถึงกับปริ้นเอกสารสำคัญออกมาเพื่ออ่านที่บ้าน
ตอนที่เธอเดือนไปที่ลิฟต์และกำลังจะกดปุ่มนั้นเอง เธอก็จำได้ว่าเธอลืมอะไรบางอย่าง
เธอยังไม่ได้ทำความเข้าใจการใช้คำศัพท์ในทางธุรกิจสำคัญๆบางคำ
ในช่วงตลอดสามเดือนที่เธอทำงานที่ เค๋อรุ่ย เธอได้พัฒนาทักษะการอ่านอย่างต่อเนื่องและในเวลาเดียวกันเธอก็ได้ฝึกทักษะการพูดเหมือนกัน
แต่ผลลัพท์มันไม่ได้ดีมากนัก มันไม่ค่อยมีโอกาสให้ใช้งานสิ่งที่เธอเรียนมา และถึงแม้ว่าเธอจะสามารถพูดบางประโยคได้ในหัวของเธอ เธอคงยังไม่สามารถรับมือกับคนต่างชาติได้จริงๆ
เมื่อรู้ตัวเรื่องนี้ เซิน หนิงซิน รีบหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา
แล้วเธอก็เปิด แอปฝึกพูดภาษาอังกฤษขึ้นมา หยิบหูฟังขึ้นมาสวม และเริ่มอ่านตามด้วยเสียงเบาๆ
เธอจดจ่องอยู่กับมันมาจนเธอไม่ได้สังเกตุ คิว อีไป๋ ที่ถือแก้วกาแฟมาเพื่อเดิมกาแฟ เข้ามาหาเธอจากด้านหลังและเหล่มองที่โทรศัพท์ของเธอ
—
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เซิน หนิงซิน ก็รีบอาบน้ำแล้วขึ้นไปบนเตียง
นี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ออกไปข้างนอกกับ คิว อีไป๋ เพื่อทำงานสำคัญ ไม่ใช่แค่นั้นมันยังเป็นลูกค้าต่างชาติที่พวกเธอจะไปเจอ เพราะเลยรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
เธอตัดสินใจจะนอนไว้กว่าปกติ เพื่อตื่นขึ้นมาฝึกทักษะการพูดภาษาอังกฤษในวันพรุ่งนี้ แต่ตอนที่ เซิน หนิงซิน ว่างโทรศัพท์ลงหลังจากตั้งปลุกเสร็จ มันก็ดังขึ้น
เธอผงะไปเล็กน้อยก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมา แล้วเธอก็พบว่าเป็น คิว อีไป๋ ที่โทรเข้ามา
ทำไมอยู่ๆเธอถึงโทรมาหากันหละ!
เซิน หนิงซิน รู้สึกสับสน และคิดว่าเธอคงมีเรื่องสำคัญจะบอกกับเธอ เธอเลยรีบลุกขึ้นนั่งแล้วฟัง
ดูเหมือนจะมีเสียงลมดังมาจากอีกด้านหนึ่ง
หลังจากนั้นมันก็มีเสียงรถเบา และเสียงคนคุยกัน ฟังดูเหมือน คิว อีไป๋ กำลังเดินอยู่บนถนนหลังจากทำงานเสร็จ
มันสำคัญมากจนเธอต้องรีบบอกกับเธอขนาดนี้เลยหรอ?
เซิน หนิงซิน หยุดไป กำลังจะถามเธอ แต่ คิว อีไป๋ พูดออกมาก่อน
แต่สิ่งที่เธอพูดออกมา ไม่ใช่ภาษาจีน แต่เป็นภาษาอังกฤษ
เธอบอกว่า “Let’s do a simple oral practice”
มาฝึกพูดง่ายๆกันเถอะ
เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้?
เซิน หนิงซิน งุนงงเมื่อได้ยินเธอพูด ใช้เวลาซักพักก่อนจะตอบ โอเค กลับไป
ความรู้สึกมากมายก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอ
ยัยเด็กขี้แย่นี้… มักจะออกตัวช่วยเหลือเธอเสมอ
คิดแบบนั้น มันอบอุ่นมากจริงๆ
เซิน หนิงซิน และ คิว อีไป๋ ฝึกด้วยกันอยู่นานกว่าชั่วโมง
ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอนั้นดีอยู่แล้ว และพอรวมกับเสียงน่ารื่นรมของคนอีกฝั่ง ทำให้เธอมีสมาธิมากขึ้น
มันคงจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่เธอจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง
แต่ คิว อีไป๋ ยังไม่ไว้ใจ และหาประโยคยากๆขึ้นมาฝึกกับเธออยู่หลายรอบ
จนกระทั้งข้างนอกมันมืดไปหมดแล้ว ขนาดที่มันไม่มีอะไรข้างนอกอีกแล้ว
เซิน หนิงซิน รู้สึกว่าเธอรบกวน คิว อีไป๋ มากแล้วคืนนี้และรีบขอบคุณเธอ บอกเธอให้กินให้อิ่มและพักผ่อนให้เพียงพอเมื่อเธอกลับถึงบ้าน
เธอพูดออกมาเยอะมาก และ คิว อีไป๋ ก็เชื่องฟัง ตอบเธอมาอย่างจริงจังตลอดการพูดขอเธอ
เซิน หนิงซิน พยักหน้าก่อนจะเอียงหัวของเธอคิดอยู่ซักพัก และคิดว่ามันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เธอก็เตรียมตัวจะบอกลา คิว อีไป๋
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร คนคนนั้นก็พูดออกมาก่อนอีกครั้ง
น้ำเสียงของเธอฟังดูกังวลเล็กน้อย เหมือนกับรู้ว่าเธอกำลังจะว่างสาย
เซิน หนิงซิน รีบปลอบเธอ “ประธานคิว คุณพูดได้เลยค่ะ ฉันรอฟังอยู่”
เมื่อเธอพูดจบมันก็ไม่มีเสียงอยู่ครู่หนึ่ง
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างคนคนนี้ใช้เวลาซักพักก่อนจะตอบกลับมา
และมันก็ยังเป็นภาษาอังกฤษ
“You look especially pretty today.”
วันนี้เธอดูสวยเป็นพิเศษเลยนะ
เซิน หนิงซิน เผลอหยุดไปครึ่งวินาที ก่อนจะใช้เวลาซักพักเพื่อตั้งสติ แล้วรีบตอบขอบคุณเธอไป
หลังจากนั้นเธอก็ถาม “ประธานคิว นี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกพูดด้วยหรอคะ?”
หลังจากพูดออกไปอีกฝั่งก็เงียบไปอีกครั้ง
“เปล่า” หลังจากเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ คิว อีไป๋ ก็กลับมาพูดอีกครั้ง เสียงของเธอเบาลง ชัดเจนว่ากำลังเขิน “มันแค่อยู่ๆฉันก็จำได้ว่ามีเรื่องที่ฉันลืมบอกเธอ”
“ชุดของเธอสวยมากๆเลยวันนี้” เธอพูดเสียงของเธอเบาลงและเบาลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มันเกือบจะไม่ได้ยินในที่สุด “เธอควรจะใส่ชุดแบบนี้บ่อยขึ้นนะ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูดีอยู่แล้ว”
“มันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวดูจริงจังขนาดนั้นตลอดเวลาหรอกนะ”
ผู้หญิง…ที่ดูดี
ถึงแม้ความคำพูดจะผ่านไปอย่างเร็วรวด เซิน หนิงซิน ก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน
แก้มของเธอแดงขึ้นมาทันที
งั้น คิว อีไป๋ ก็คิดว่าเธอดูดี?
มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?
—
อุ๊ยเขิน
-A Cup of Owls